ดูดไขมัน ลดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด ปรับรูปร่างให้หุ่นสวยอย่างปลอดภัย
ในยุคที่ความสวยงามและรูปร่างที่ดีเป็นเรื่องที่ผู้คนให้ความสำคัญ การดูดไขมันจึงกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงรูปร่างให้ดูดีขึ้น แต่การดูดไขมันคืออะไร? เหมาะกับใคร? และมีข้อดีข้อเสียอย่างไร? บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับการดูดไขมันอย่างละเอียด เพื่อให้คุณได้ข้อมูลที่ครบถ้วนก่อนตัดสินใจ
ดูดไขมัน คืออะไร
การดูดไขมัน หรือ Liposuction คือหัตถการที่ช่วยลดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด เพื่อปรับรูปร่างให้ได้สัดส่วนตามต้องการ โดยใช้เครื่องมือคล้ายท่อยาวสอดเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อดูดไขมันออกมา อย่างไรก็ตาม การดูดไขมันไม่ใช่การลดน้ำหนัก และไม่สามารถแก้ปัญหาผิวเปลือกส้มได้ ที่สำคัญคือไม่สามารถดูดไขมันในปริมาณมาก ๆ ในครั้งเดียวได้ เพราะอาจเป็นอันตราย ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมและผลลัพธ์ที่คาดหวัง
เครื่องมือการดูดไขมัน
เครื่องมือที่ใช้ในการดูดไขมันมี 2 แบบ คือ
- เครื่อง VASER ใช้พลังงานคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasonic Energy) ในการสลายไขมัน ทำให้ไขมันแตกตัวและดูดออกได้ง่ายขึ้น
- เครื่อง Body Tite ใช้พลังงานคลื่นวิทยุ (Radio Wave Energy) ในการสลายไขมัน และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวหนังกระชับขึ้นหลังการดูดไขมัน
ประโยชน์ของการดูดไขมัน

การดูดไขมันสามารถช่วยปรับรูปร่างและเพิ่มความมั่นใจในตนเองได้หลายอย่าง ดังนี้
- ปรับรูปร่างเฉพาะจุด การดูดไขมันช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินที่สะสมในบริเวณที่ต้องการ เช่น หน้าท้อง ต้นขา ต้นแขน สะโพก หรือคอ ทำให้รูปร่างมีความสมส่วนและได้สัดส่วนตามที่ต้องการ
- เพิ่มความมั่นใจ เมื่อรูปร่างดูดีขึ้น ก็จะมีความมั่นใจในการแต่งกายและการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น สามารถเลือกเสื้อผ้าที่ชอบได้อย่างอิสระ และรู้สึกดีกับรูปร่างของตนเอง
- ลดไขมันส่วนเกินที่ลดได้ยาก ไขมันบางส่วนของร่างกายนั้นลดได้ยาก แม้จะควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การดูดไขมันสามารถช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินเหล่านี้ได้ตรงจุด ทำให้รูปร่างเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น
- ใช้ไขมันเติมเต็มส่วนอื่น ไขมันที่ดูดออกมาสามารถนำไปเติมเต็มในส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้ เช่น หน้าอก สะโพก หรือใบหน้า เพื่อเพิ่มวอลลุ่มและปรับรูปร่างให้ได้สัดส่วนที่ต้องการ
- เทคโนโลยีที่ทันสมัย เทคโนโลยีที่ใช้ในการดูดไขมันในปัจจุบันมีความทันสมัยมากขึ้น ช่วยลดอาการเจ็บปวดและระยะเวลาในการพักฟื้น ทำให้ผู้เข้ารับการรักษาฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
- Personal Cell ไขมันที่ดูดออกมาสามารถนำไปสกัดเป็น Personal Cell เพื่อใช้ในการดูแลผิวพรรณและสุขภาพได้ในระยะยาว
การดูดไขมันเหมาะกับใคร

การดูดไขมันเหมาะสำหรับผู้ที่มีลักษณะดังต่อไปนี้
- ผู้ที่ไม่ได้อ้วนทั้งตัว การดูดไขมันไม่ใช่การลดน้ำหนัก แต่เป็นการปรับรูปร่างเฉพาะส่วน
- ผู้ที่ไม่ได้มีน้ำหนักเกินมาตรฐานมาก ผู้ที่น้ำหนักเกินมาตรฐานมาก ควรลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นก่อน
- ผู้ที่มีการสะสมของไขมันเฉพาะที่ เช่น บริเวณหน้าท้อง สะโพก ต้นขา ที่ลดได้ยากด้วยวิธีธรรมชาติ
- ผู้ที่มีไขมันสะสมและลดลงไม่ได้ด้วยการออกกำลังกายและควบคุมอาหาร แสดงว่าไขมันสะสมนั้นค่อนข้างดื้อต่อการลด
- ผู้ที่ผิวหนังมีความยืดหยุ่นดี หลังการดูดไขมัน ผิวหนังจะกระชับและเรียบเนียน หากผิวหนังหย่อนคล้อย อาจทำให้เกิดริ้วรอยได้
การดูดไขมันไม่เหมาะกับใคร

แม้ว่าการดูดไขมันจะเป็นหัตถการที่ช่วยปรับรูปร่างให้ได้สัดส่วน แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่เหมาะสมกับการดูดไขมัน เพราะมีคนบางกลุ่มที่ไม่ควรเข้ารับการดูดไขมัน ได้แก่
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวร้ายแรง ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการผ่าตัด หรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
- ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในระหว่างตั้งครรภ์และให้นมบุตร อาจส่งผลต่อการฟื้นตัวหลังการผ่าตัด ดังนั้นจึงควรรอให้ร่างกายกลับสู่ภาวะปกติก่อน
- ผู้ที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานมาก การดูดไขมันไม่ใช่การลดน้ำหนัก แต่เป็นการปรับรูปร่างเฉพาะส่วน ผู้ที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานมาก ควรลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นที่เหมาะสมกว่า
- ผู้ที่มีความคาดหวังที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง การดูดไขมันมีข้อจำกัด และผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่ตรงกับความคาดหวังของทุกคน ดังนั้นจึงควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหนัง ผู้ที่มีผิวหนังหย่อนคล้อยมาก หรือมีรอยแตกลาย อาจไม่เหมาะกับการดูดไขมัน เพราะอาจทำให้ผิวหนังดูไม่เรียบเนียนหลังการผ่าตัด
สามารถเลือกทำได้บริเวณไหนได้บ้าง

การดูดไขมันสามารถทำได้ในหลายบริเวณของร่างกาย ซึ่งแต่ละบริเวณก็มีจุดเด่นและข้อควรระวังที่แตกต่างกันไป ดังนี้
- หน้าท้อง เป็นบริเวณที่ไขมันสะสมได้ง่ายและลดได้ยาก การดูดไขมันหน้าท้องจะช่วยให้หน้าท้องแบนราบและเอวคอดลง
- หน้า การดูดไขมันที่หน้าจะช่วยลดไขมันส่วนเกินบริเวณแก้มและคาง ทำให้ใบหน้าเรียวเล็กลงและดูมีมิติมากขึ้น
- เหนียง ไขมันที่สะสมบริเวณใต้คาง หรือที่เรียกว่า “เหนียง” สามารถดูดออกได้ เพื่อปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้น
- ใต้ตา ไขมันใต้ตาทำให้ใบหน้าดูอิดโรยและไม่สดใส การดูดไขมันบริเวณนี้จะช่วยลดถุงใต้ตาและทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น
- ต้นแขน ไขมันที่ต้นแขนทำให้แขนดูใหญ่และไม่กระชับ การดูดไขมันต้นแขนจะช่วยให้แขนดูเรียวเล็กลงและกระชับขึ้น
- ต้นขา ไขมันที่ต้นขาสะสมได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณต้นขาด้านในและด้านนอก การดูดไขมันต้นขาจะช่วยลดขนาดต้นขาและทำให้ขาดูเรียวขึ้น
- สะโพก การดูดไขมันสะโพกจะช่วยลดขนาดสะโพกและทำให้รูปร่างดูสมส่วนมากขึ้น
การดูดไขมันมีกี่ขั้นตอน อะไรบ้าง
[รูป info]
การดูดไขมันเป็นหัตถการที่ซับซ้อนและต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี ขั้นตอนและวิธีการดูดไขมันโดยทั่วไปมีดังนี้
1. การทำเครื่องหมาย
ก่อนเริ่มการผ่าตัด แพทย์จะทำการวัดสัดส่วนและทำเครื่องหมายบริเวณที่จะดูดไขมันอย่างละเอียด เพื่อวางแผนการผ่าตัดให้เหมาะสมกับรูปร่างและความต้องการของแต่ละบุคคล
2. การให้ระงับความรู้สึก
การดูดไขมันสามารถทำได้ภายใต้การใช้ยาชาเฉพาะที่ หรือยาสลบ ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ดูดไขมัน ปริมาณไขมันที่ต้องการดูดออก และความต้องการของแต่ละบุคคล หากใช้ยาชาเฉพาะที่ ผู้ป่วยจะรู้สึกตัว แต่จะไม่รู้สึกเจ็บปวดบริเวณที่ผ่าตัด หากใช้ยาสลบ ผู้ป่วยจะไม่รู้สึกตัวในขณะที่ทำการผ่าตัด
3. การดูดไขมัน
เมื่อยาชาออกฤทธิ์ หรือผู้ป่วยหลับสนิทแล้ว แพทย์จะเริ่มทำการดูดไขมัน โดยมีวิธีการดูดไขมันหลายวิธีให้เลือกใช้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและดุลยพินิจของแพทย์ ได้แก่
- วิธีการดูดไขมันแบบ Tumescent เป็นวิธีที่นิยมใช้กันมากที่สุด โดยแพทย์จะฉีดสารละลาย (ซึ่งประกอบด้วยยาชา น้ำเกลือ และยาที่ช่วยให้เส้นเลือดหดตัว) เข้าไปในบริเวณที่จะดูดไขมัน เพื่อช่วยให้ไขมันแตกตัวและดูดออกได้ง่ายขึ้น ลดการเสียเลือด และลดความเจ็บปวด
- วิธีการดูดไขมันแบบ Ultrasound (VASER) ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงในการสลายไขมันก่อนดูดออก ทำให้ไขมันแตกตัวเป็นอนุภาคเล็กๆ และดูดออกได้ง่ายขึ้น วิธีนี้ช่วยลดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อรอบข้าง และทำให้ผิวหนังกระชับขึ้น
- วิธีการดูดไขมันแบบ Laser ใช้เลเซอร์ในการสลายไขมัน และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวหนังกระชับขึ้นหลังการดูดไขมัน
แพทย์จะเลือกวิธีการดูดไขมันที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น บริเวณที่ต้องการดูดไขมัน ปริมาณไขมันที่ต้องการดูด และสภาพผิวของแต่ละบุคคล
4. การปิดแผล
หลังจากดูดไขมันเสร็จ แพทย์จะทำการปิดแผลด้วยไหมละลาย หรือไหมธรรมดา โดยขนาดของแผลจะขึ้นอยู่กับบริเวณที่ดูดไขมันและปริมาณไขมันที่ดูดออก
ข้อดี-ข้อเสียของการดูดไขมัน
การดูดไขมันเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมในการปรับรูปร่างให้ได้สัดส่วนตามต้องการ แต่ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนี้
ข้อดีของการดูดไขมัน
- ปรับรูปร่างเฉพาะจุด การดูดไขมันช่วยลดไขมันส่วนเกินในบริเวณที่ต้องการ เช่น หน้าท้อง ต้นขา ต้นแขน สะโพก หรือคอ ทำให้รูปร่างดูดีขึ้นและมีความมั่นใจมากขึ้น
- ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและชัดเจน หลังการดูดไขมัน จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของรูปร่างได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณที่ไขมันสะสมหนาแน่น
- ไขมันที่ถูกดูดออกไปจะไม่กลับมาสะสมอีก เซลล์ไขมันที่ถูกดูดออกไปแล้วจะไม่สามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้ ทำให้ผลลัพธ์ของการดูดไขมันค่อนข้างถาวร
- เทคโนโลยีที่ทันสมัย เทคโนโลยีที่ใช้ในการดูดไขมันในปัจจุบันมีความทันสมัยมากขึ้น ช่วยลดอาการเจ็บปวดและระยะเวลาในการพักฟื้น ทำให้ผู้เข้ารับการรักษาฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
- ใช้ไขมันเติมเต็มส่วนอื่นได้ ไขมันที่ดูดออกมาสามารถนำไปเติมเต็มในส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้ เช่น หน้าอก สะโพก หรือใบหน้า เพื่อเพิ่มวอลลุ่มและปรับรูปร่างให้ได้สัดส่วนที่ต้องการ
ข้อเสียของการดูดไขมัน
- ความเสี่ยงและผลข้างเคียง การดูดไขมันเป็นการผ่าตัด จึงมีความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น การติดเชื้อ เลือดออก ผิวไม่เรียบเนียน อาการบวมช้ำ หรือความรู้สึกชา
- ค่าใช้จ่ายสูง การดูดไขมันมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคสำหรับบางคน
- ต้องใช้เวลาพักฟื้น หลังการผ่าตัด ผู้เข้ารับการรักษาต้องใช้เวลาพักฟื้นและดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
- ไม่ใช่วิธีลดน้ำหนัก การดูดไขมันไม่ใช่การลดน้ำหนัก แต่เป็นการปรับรูปร่างเฉพาะส่วน ดังนั้นจึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก
- ผลลัพธ์ไม่แน่นอน ผลลัพธ์ของการดูดไขมันอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ปริมาณไขมันที่ดูดออก สภาพผิว และความเชี่ยวชาญของแพทย์
การดูแลตัวเองทั้งก่อนและหลังทำหัตถการ
การเตรียมตัวก่อนดูดไขมัน
- ปรึกษาแพทย์อย่างละเอียด แจ้งข้อมูลสุขภาพทั้งหมด เช่น โรคประจำตัว ยาที่ใช้ ประวัติการผ่าตัด การแพ้ยาและอาหาร หากมีประวัติการรักษาจากโรงพยาบาล ควรนำมาในวันปรึกษาด้วย
- งดยาและอาหารเสริมบางชนิด ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับยาที่ใช้อยู่ หากได้รับยาละลายลิ่มเลือด หรือยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ควรปรึกษาแพทย์ก่อน งดวิตามินอาหารเสริมต่างๆ เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา ใบแปะก๊วย อย่างน้อย 1 เดือนก่อนผ่าตัด
- งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 4 สัปดาห์ก่อนและหลังผ่าตัด และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-2 วันก่อนผ่าตัด และต่อเนื่องอย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด
- เตรียมความพร้อมด้านร่างกาย สระผมให้สะอาด ไม่แต่งหน้า งดใส่คอนแทคเลนส์และเครื่องประดับทุกชนิด ทำความสะอาดเล็บมือเล็บเท้า งดทาเล็บและต่อเล็บ
- เตรียมความพร้อมด้านจิตใจ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการผ่าตัด ผลลัพธ์ที่คาดหวัง และการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นหลังผ่าตัด เช่น อาการบวมช้ำ ซึ่งต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว
การดูแลตัวเองหลังดูดไขมัน
- อาการหลังผ่าตัด อาจมีอาการบวมเขียวช้ำ 2-4 สัปดาห์แรก ซึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้น
- การดูแลแผล ทำความสะอาดแผลตามคำแนะนำของแพทย์ ระวังอย่าให้แผลโดนน้ำ หากโดนน้ำให้เช็ดให้แห้ง ปิดแผลด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ
- การใช้ยา รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด หากมีอาการปวดสามารถรับประทานยาแก้ปวดได้
- การพักผ่อน พักผ่อนให้เพียงพอ ในช่วง 2-3 วันแรก อาจขยับตัวลำบาก
- การสวมชุดกระชับ สวมชุดกระชับ (Support) ตลอด 24 ชั่วโมง ในช่วง 1 เดือนแรก และต่อเนื่องนาน 2-3 เดือน เพื่อลดอาการบวมและช่วยให้รูปร่างเข้าที่
- การออกกำลังกาย งดออกกำลังกายหนักอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์
- การติดตามผลการรักษา ไปพบแพทย์ตามนัด เพื่อติดตามผลการรักษาและรับคำแนะนำเพิ่มเติม
ดูดไขมันราคาเท่าไหร่
ราคาของการดูดไขมันนั้นแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น บริเวณที่ต้องการดูดไขมัน ปริมาณไขมันที่ดูดออก เทคนิคที่ใช้ และคลินิกหรือโรงพยาบาลที่เลือก โดยทั่วไปแล้ว ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ประมาณ 20,000 – 100,000 บาทต่อบริเวณ
ดูดไขมันที่ไหนดี? เลือก WANSIRI ดีกว่าอย่างไร
การตัดสินใจเลือกสถานที่ดูดไขมันเป็นเรื่องสำคัญ เพราะผลลัพธ์ที่ได้จะอยู่กับคุณไปตลอดชีวิต การเลือก WANSIRI เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะ
- มีศัลยแพทย์มากประสบการณ์ ทีมศัลยแพทย์ของ WANSIRI ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูดไขมันโดยเฉพาะ มีประสบการณ์ในการทำหัตถการมาอย่างยาวนาน ทำให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี
- มีความใส่ใจในรายละเอียด แพทย์จะให้คำปรึกษาอย่างละเอียด ประเมินรูปร่างและไขมันส่วนเกินของคุณ เพื่อวางแผนการดูดไขมันที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
- ออกแบบรูปร่างเฉพาะบุคคล WANSIRI เข้าใจว่ารูปร่างของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน แพทย์จึงออกแบบการดูดไขมันให้เข้ากับสรีระของคุณ เพื่อผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและสมส่วน
- เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน WANSIRI ใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยและได้มาตรฐานระดับสากล ทำให้การดูดไขมันเป็นไปอย่างแม่นยำและปลอดภัย
- เทคนิคการดูดไขมันที่หลากหลาย WANSIRI มีเทคนิคการดูดไขมันที่หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละบุคคล เช่น Vaser Liposuction, BodyTite
- ห้องผ่าตัดที่สะอาดและปลอดภัย ห้องผ่าตัดของ WANSIRI ได้มาตรฐาน สะอาด ปลอดภัย และมีการควบคุมการติดเชื้ออย่างเข้มงวด
- มีรีวิวความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ WANSIRI มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงที่พึงพอใจในผลลัพธ์และความประทับใจในการบริการ
ทีมศัลยแพทย์ WANSIRI

WANSIRI ให้บริการเทคนิคการดูดไขมันขั้นสูง เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยมีรูปร่างที่ต้องการ โดยขั้นตอนการดูดไขมันได้รับการออกแบบมาเพื่อกำจัดไขมันส่วนเกินออกจากบริเวณเฉพาะ นำทีมโดยนพ.เกษมศักดิ์ พยุงธังปราชญ์ เป็นศัลยแพทย์ชื่อดังที่มีความเชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งหลากหลายประเภท เช่น การเสริมหน้าอก การศัลยกรรมใบหน้า และการดูดไขมัน แนวทางการรักษาจะดูแลแบบเฉพาะบุคคล เพื่อให้มั่นใจว่าความต้องการและความคาดหวังของผู้ป่วยแต่ละคนจะได้รับการตอบสนองอย่างดีที่สุด
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ดูดไขมันอยู่ได้กี่ปี
ผลลัพธ์นี้จะคงอยู่ได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น น้ำหนักตัวการดูแลรักษาสุขภาพ และพันธุกรรม
ดูดไขมันทั้งตัวกี่บาท
การดูดไขมันทั้งตัวไม่มีราคาที่แน่นอน เพราะค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น
- บริเวณที่ต้องการดูดไขมัน แต่ละบริเวณมีขนาดและปริมาณไขมันที่แตกต่างกัน
- ปริมาณไขมันที่ดูดออก ปริมาณไขมันที่มากอาจต้องใช้เวลาและเทคนิคที่ซับซ้อนมากขึ้น
- เทคนิคที่ใช้ เทคนิคการดูดไขมันที่แตกต่างกันจะมีค่าใช้จ่ายต่างกันไป
- คลินิก/โรงพยาบาล คลินิกหรือโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงและมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มักจะมีราคาสูงกว่า
ดูดไขมันทั้งตัว เจ็บไหม
การดูดไขมันอาจทำให้รู้สึกเจ็บเล็กน้อยหลังการผ่าตัด แต่ความเจ็บปวดจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน โดยทั่วไปแล้ว อาการปวดจะคล้ายกับการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และสามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวดในระหว่างการผ่าตัด จะมีการใช้ยาชาเฉพาะที่หรือยาสลบ ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บ
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงและห้ามกินมีอะไรบ้าง
ก่อนและหลัง การดูดไขมัน ควรหลีกเลี่ยงอาหารบางประเภท เช่น อาหารแปรรูป อาหารที่มีไขมันสูง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารเสริมบางชนิด เป็นต้น
ดูดไขมัน ใช้เวลาพักฟื้นนานไหม
ระยะเวลาพักฟื้นหลังการดูดไขมันจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับ โดยทั่วไป สามารถกลับไปทำงานได้ภายใน 2-3 วัน แต่ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมหนัก ๆ เป็นเวลาหลายสัปดาห์
เคยดูดไขมันแล้วดูดอีกได้ไหม
สามารถดูดไขมันซ้ำ ได้แต่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมและผลลัพธ์ที่คาดหวัง เพราะการดูดไขมันซ้ำอาจมีความเสี่ยงมากกว่าการดูดครั้งแรก และอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาเดิมได้ทั้งหมด
สรุป
การดูดไขมันเป็นหัตถการทางการแพทย์ที่ช่วยปรับรูปร่างเฉพาะจุด โดยใช้เทคโนโลยีทันสมัยอย่าง VASER หรือ Body Tite ในการสลายและดูดไขมันออก เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมเฉพาะที่และมีน้ำหนักไม่เกินมาตรฐานมาก แม้จะให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและค่อนข้างถาวร แต่ควรเลือกสถานพยาบาลที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น WANSIRI ที่มีทีมศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนำโดย นพ.เกษมศักดิ์ พยุงธังปราชญ์ พร้อมด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยได้มาตรฐาน และการดูแลแบบเฉพาะบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยที่สุด