การตัดหน้าอกคืออะไร? มีกี่แบบ? อันตรายไหม? เหมาะกับใครบ้าง?
การผ่าตัดหน้าอก หรือที่เรียกว่า “การผ่าตัดแปลงเพศจากหญิงเป็นชาย” เป็นขั้นตอนการผ่าตัดที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่บุคคลข้ามเพศและผู้ที่ต้องการปรับรูปร่างหน้าอกให้ตรงกับอัตลักษณ์ทางเพศของตนเอง อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ บทความนี้จะให้ข้อมูลที่ครอบคลุมเกี่ยวกับการผ่าตัดหน้าอก รวมถึงประเภทต่าง ๆ ความเสี่ยง และสิ่งที่คาดหวังได้ เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
ตัดหน้าอก คืออะไร? เพิ่มความเป็นผู้ชายได้จริง
การตัดหน้าอก คือขั้นตอนการผ่าตัดเพื่อนำเนื้อเต้านมออกไป ทำให้หน้าอกแบนราบคล้ายกับผู้ชาย เป็นการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ต้องกังวลกับการใส่เสื้อผ้า หรือความอึดอัดจากการใส่สเตย์รัดหน้าอก
นอกจากนี้ การตัดหน้าอกยังเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญสำหรับทรานส์แมนที่ต้องการแปลงเพศให้สมบูรณ์แบบ การผ่าตัดนี้ไม่เพียงแต่เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอก แต่ยังส่งผลดีต่อสภาพจิตใจ ช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกเป็นตัวเองมากขึ้น และมีความสุขกับร่างกายที่สอดคล้องกับเพศสภาพของตนเอง
ใครที่เหมาะกับการตัดหน้าอก

ผู้ที่เหมาะสมกับการผ่าตัดหน้าอกเพื่อปรับรูปร่างให้เป็นชายนั้น ต้องมีคุณสมบัติดังนี้
- อายุ 20 ปีขึ้นไป หรืออายุ 18-19 ปีแต่ต้องมีผู้ปกครองให้ความยินยอม
- สุขภาพร่างกายแข็งแรงผ่านการตรวจจากแพทย์
- สภาพจิตใจปกติและได้รับการรับรองจากจิตแพทย์อย่างน้อย 2 ท่านว่ามีภาวะจิตใจไม่ตรงกับเพศสภาพ
- ต้องการเปลี่ยนแปลงเพศให้ตรงกับความต้องการภายในจิตใจ และต้องใช้ชีวิตแบบชายมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี
ใครที่ไม่เหมาะกับการตัดหน้าอก
- อายุน้อยกว่า 18 ปี โดยทั่วไปแล้ว การผ่าตัดจะทำเมื่ออายุ 20 ปีขึ้นไป หากอายุ 18-19 ปี ต้องมีผู้ปกครองให้ความยินยอม
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมได้ หรือมีภาวะเลือดออกผิดปกติ อาจไม่เหมาะสมกับการผ่าตัด
- ผู้ที่มีปัญหาทางจิตเวชที่ยังไม่ได้รับการรักษา หรือมีภาวะทางจิตใจที่ไม่มั่นคง อาจต้องได้รับการรักษาและประเมินจากจิตแพทย์ก่อน
- ผู็ที่ไม่ผ่านการประเมินจากจิตแพทย์ การผ่าตัดต้องผ่านการประเมินและรับรองจากจิตแพทย์อย่างน้อย 2 ท่าน
- ผู้ที่ยังไม่เคยใช้ชีวิตแบบผู้ชาย หรือมีประสบการณ์น้อยกว่า 1 ปี
- ผู้ที่คาดหวังว่าการผ่าตัดจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนเองไปในทางที่ดีขึ้นโดยไม่มีข้อจำกัด อาจต้องทำความเข้าใจถึงข้อจำกัดของการผ่าตัดก่อน
การเตรียมตัวก่อนตัดหน้าอก

การผ่าตัดเต้านมเป็นการตัดสินใจที่สำคัญและต้องมีการเตรียมตัวอย่างรอบคอบ เพื่อให้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ มาดูขั้นตอนที่ควรทำเพื่อเตรียมความพร้อม ดังนี้
- ตรวจร่างกายทั่วไป เพื่อประเมินความพร้อมของร่างกายสำหรับการผ่าตัดและการดมยาสลบ
- ตรวจเลือด เพื่อดูความผิดปกติต่างๆ และเตรียมความพร้อมสำหรับการดมยาสลบ
- ตรวจเต้านม ตรวจดูขนาด รูปร่าง และหากมีก้อนผิดปกติ อาจต้องตรวจเพิ่มเติมเพื่อดูว่าเป็นเนื้อร้ายหรือไม่
- หยุดยาฮอร์โมนเพศชาย อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด เพราะยาบางชนิดอาจส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด
- ปรึกษาแพทย์ พูดคุยกับแพทย์เกี่ยวกับรายละเอียดการผ่าตัด เช่น
- รูปแบบและขนาดของแผลเป็นที่จะเกิดขึ้น
- รูปทรงของหน้าอกหลังผ่าตัดที่อาจมีการเปลี่ยนแปลง
- ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
- การดูแลตนเองหลังผ่าตัด
เทคนิคผ่าตัดหน้าอก มีกี่แบบ
เพราะสรีระของเต้านมผู้หญิงมีความแตกต่างจากผู้ชาย โดยมีเนื้อเต้านมมากกว่า การผ่าตัดเต้านมเลยเน้นไปที่การนำเนื้อเต้านมออก ซึ่งมีหลายวิธีให้เลือก ขึ้นอยู่กับขนาดและลักษณะของเต้านมของแต่ละคน
1. การผ่าตัดบริเวณปานนม (เทคนิคตัว U หรือ O)
เทคนิคการผ่าตัดบริเวณปานนม หรือที่เรียกว่าเทคนิคตัว U หรือ O เป็นวิธีการผ่าตัดที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีหน้าอกขนาดเล็ก (คัพ A-B) และขนาดกลาง วิธีนี้มีข้อดีคือมีแผลเป็นน้อยและสามารถซ่อนแผลผ่าตัดได้ดี โดยแพทย์จะทำการเปิดแผลผ่าตัดที่บริเวณปานนม
- เทคนิคตัว U: เหมาะสำหรับผู้ที่มีหน้าอกขนาดเล็ก โดยแพทย์จะเปิดแผลผ่าตัดเป็นรูปตัว U บริเวณครึ่งบนหรือครึ่งล่างของปานนม
- เทคนิคตัว O: เหมาะสำหรับผู้ที่มีหน้าอกขนาดปานกลาง โดยแพทย์จะเปิดแผลผ่าตัดเป็นรูปวงกลม (ตัว O) รอบปานนม
2. การผ่าตัดโดยตัดผิวหนังของเต้านมออกด้วย (เทคนิคตัว I)
เทคนิคการผ่าตัดโดยตัดผิวหนังของเต้านมออก หรือที่เรียกว่าเทคนิคตัว I หรือแผลแนวขวาง เหมาะสำหรับผู้ที่มีหน้าอกค่อนข้างใหญ่ (คัพ C ขึ้นไป) หรือผู้ที่มีลักษณะเต้านมหย่อนคล้อยร่วมด้วย วิธีนี้จำเป็นต้องตัดหนังเต้านมส่วนเกินออกไป แล้วเย็บให้เรียบร้อย รวมถึงมีการย้ายตำแหน่งของปานนมและหัวนมด้วย
ขั้นตอนการผ่าตัดเริ่มต้นด้วยการตัดปานนมและหัวนมออกเป็นรูปวงกลม จากนั้นแพทย์จะตัดเนื้อส่วนเกินและเลาะเต้านมทั้งหมดออกจากกล้ามเนื้อหน้าอก โดยยังคงเหลือผิวหนังหน้าอกไว้ในปริมาณที่กำหนดไว้ หากยังมีเนื้อเหลืออยู่เป็นก้อน ๆ ไม่สวยงาม แพทย์จะทำการดึงส่วนกลางให้เรียบ จากนั้นก็จะซ่อนแผลไว้ใต้รักแร้
ต่อมา แพทย์จะทำการเย็บผิวหนังเป็นรูปตัว I (แผลแนวขวาง) ตามแนวฐานเต้านม (ขึ้นอยู่กับปริมาณของผิวหนังส่วนเกินที่ตัดออก) ขั้นตอนสุดท้าย แพทย์จะนำปานนมและหัวนมมาตัดแต่งให้มีขนาดและความหนาที่เหมาะสม แล้วจึงเย็บตรึงกับหน้าอกตามตำแหน่งที่ถูกต้องที่ได้กำหนดไว้
หลังตัดหน้าอกจะเป็นอย่างไร
หลังผ่าตัด
- ท่อระบาย: หลังผ่าตัด แพทย์จะใส่ท่อเพื่อระบายเลือดและน้ำเหลือง ป้องกันการคั่งค้าง โดยจะต่อกับขวดสุญญากาศ ท่อนี้จะถูกเอาออกเมื่อแผลหายดีแล้ว โดยทั่วไปใช้เวลา 3-5 วัน
- สเตย์รัดหน้าอก: เพื่อกระชับหน้าอก แพทย์จะให้ใส่สเตย์รัดหน้าอก และมีหมอนรองที่ปานนมเพื่อป้องกันการกดทับแผล ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี ลดความเสี่ยงที่ปานนมจะคล้ำหรือเนื้อเยื่อตาย
- เทปปิดแผล: หลังจากตัดไหมแล้ว แพทย์จะติดเทป (sterile-strip) ประมาณ 3-5 วัน เพื่อช่วยยึดแผล หลีกเลี่ยงการโดนน้ำ หากต้องการอาบน้ำ ให้ใช้พลาสเตอร์กันน้ำปิดแผล

ระยะพักฟื้น
- พักที่โรงพยาบาล: โดยทั่วไปพักที่โรงพยาบาล 1-2 คืน
- พักฟื้นที่บ้าน: หลังจากนั้นสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้
- ตัดไหม: แพทย์จะนัดมาดูแผลและตัดไหมหลังจาก 7 วัน
- ใช้ชีวิตปกติ: ประมาณ 2 สัปดาห์หลังผ่าตัด สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
- แผลหายสนิท: โดยทั่วไปแผลจะสมานและหายเป็นปกติภายใน 3-6 เดือน
การดูแลตัวเองหลังตัดหน้าอก

การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดเต้านมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้แผลหายเร็วและป้องกันภาวะแทรกซ้อน
- งดยกของหนัก ขับรถ ออกกำลังกาย: เป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือนหลังผ่าตัด เพื่อป้องกันแผลฉีกขาดและลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน
- อาหารหมักดอง: เป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือนหลังผ่าตัด อาหารเหล่านี้อาจมีแบคทีเรียที่ทำให้เกิดการติดเชื้อได้
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์: เป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือนหลังผ่าตัด สารเคมีในบุหรี่และแอลกอฮอล์จะขัดขวางการหายของแผลและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน
- สวมใส่สเตย์รัดหน้าอก: ตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยให้หน้าอกเข้าที่และลดอาการบวม
- รับประทานยา: ตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อและควบคุมอาการปวด
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์: อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน
หลังผ่าตัดมีผลข้างเคียงหรือไม่
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังผ่าตัด
- แผลเป็น: แผลเป็นหลังผ่าตัดจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่ขึ้นอยู่กับวิธีที่ใช้ในการผ่าตัด บางรายอาจเกิดแผลเป็นนูนหรือคีลอยด์ได้ แนะนำว่าหลังผ่าตัดหากแผลแห้งดีแล้ว (ประมาณ 2 สัปดาห์) สามารถติดซิลิโคนเจลเพื่อป้องกันการเกิดแผลคีลอยด์
- ความรู้สึกของหน้าอก: ในระยะแรกอาจมีอาการชาบริเวณหน้าอก แต่มักจะฟื้นตัวได้หลังการผ่าตัดประมาณ 3-6 เดือน ถึงแม้จะไม่เหมือนเดิมทั้งหมด แต่ก็ยังมีความรู้สึกได้เช่นเดียวกับผิวหนังหน้าอก กรณีนี้คนไข้เต้านมเล็กจะยังคงมีความรู้สึกที่หน้าอกมากกว่าคนไข้เต้านมใหญ่
- หัวนม: อาจสูญเสียการรับรู้ความรู้สึกพิเศษไปบางส่วน หรือทั้งหมด ได้แก่ ความรู้สึกเมื่อถูกกระตุ้น หรือถูกปลุกเร้าทางเพศ เนื่องจากเส้นประสาทพิเศษที่อยู่ด้านข้างเต้านมจะถูกตัดออกไปทั้งหมดพร้อมกับเนื้อเต้านม
ตัดหน้าอก ราคาเท่าไร
ราคาในการผ่าตัดหน้าอกนั้นแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ขนาดหน้าอก เทคนิคที่ใช้ในการผ่าตัด และสถานพยาบาลที่คุณเลือก โดยทั่วไปแล้ว ราคาจะเริ่มต้นตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสนบาท
ตัดหน้าอกที่ไหนดี? เลือก WANSIRI ดีอย่างไร
การตัดสินใจว่าจะตัดหน้าอกที่ไหนดีนั้น เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยมีหลายปัจจัยที่ต้องนำมาประกอบการตัดสินใจ เช่น ความเชี่ยวชาญของแพทย์ เทคนิคที่ใช้ในการผ่าตัด ความปลอดภัยของสถานพยาบาล และค่าใช้จ่าย ซึ่ง WANSIRI เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ โดยมีจุดเด่นดังนี้
- ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: WANSIRI มีทีมศัลยแพทย์ตกแต่งที่เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดหน้าอกโดยเฉพาะ ซึ่งจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด
- เทคนิคการผ่าตัดที่ทันสมัย: WANSIRI มีเทคโนโลยีและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย ทำให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ
- ความปลอดภัย: WANSIRI ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของคนไข้เป็นอันดับแรก โดยมีมาตรการควบคุมความสะอาดและป้องกันการติดเชื้ออย่างเข้มงวด
- การบริการที่ดี: WANSIRI มีทีมงานที่พร้อมให้บริการและให้คำปรึกษาแก่คนไข้อย่างเป็นกันเองและเอาใจใส่
ทีมศัลยแพทย์ WANSIRI
ทีมศัลยแพทย์ของ WANSIRI มีความเชี่ยวชาญในการผ่าตัดหน้าอก โดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่าน ได้แก่ นายแพทย์เกษมศักดิ์ พยุงธนทรัพย์ นายแพทย์วีรยุทธ วีรปกรณ์ และนายแพทย์วีรชัย วีรปกรณ์ ซึ่งพร้อมให้คำปรึกษาและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการผ่าตัดหน้าอก
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
ตัดหน้าอกกี่เดือนหาย
ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัด อาการปวดและบวมจะค่อย ๆ ดีขึ้น ในช่วง 2-4 สัปดาห์ สามารถกลับไปทำงานเบา ๆ ได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงการยกของหนักและการออกกำลังกายหนัก จนกระทั่ง 6-8 สัปดาห์ ร่างกายจะฟื้นตัวเกือบสมบูรณ์และสามารถกลับไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ
ตัดหน้าอกพักฟื้นนานไหม
โดยทั่วไปแล้ว ผู้ป่วยจะต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล 1 คืน หลังผ่าตัด และพักผ่อนต่อที่บ้านอีก 1-2 สัปดาห์
ตัดหน้าอก ต้องใส่สายเดรนกี่วัน
ระยะเวลาในการใส่สายเดรนจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ โดยทั่วไปจะใส่ไว้ 1-2 วัน
ตัดหน้าอก ห้ามขับรถกี่วัน
ควรหลีกเลี่ยงการขับรถประมาณ 1-2 สัปดาห์หลังผ่าตัด เพื่อความปลอดภัย
หลังตัดหน้าอกกี่วันอาบน้ำได้
สามารถอาบน้ำได้หลังจากแพทย์อนุญาต ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 2-3 วันหลังผ่าตัด แต่ควรระมัดระวังไม่ให้แผลโดนน้ำโดยตรงในช่วงแรก
สรุป
การผ่าตัดหน้าอกเป็นขั้นตอนทางการแพทย์ที่ช่วยให้ LGBTQ+ สามารถตัดหน้าอกออกไปได้ โดยมีเทคนิคที่หลากหลายให้เลือกตามขนาดและลักษณะของหน้าอก การเตรียมตัวอย่างเหมาะสมและการดูแลหลังการผ่าตัดอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น สำหรับผู้ที่สนใจ WANSIRI มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมให้คำปรึกษาและบริการอย่างครบวงจร